เทรนด์การท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนรุ่นใหม่ที่มักจะวางแผนการเดินทางด้วยตัวเองตลอดทริป เน้นการแสวงหาประสบการณ์และพบปะเพื่อนใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญทำให้การท่องเที่ยวสะดวกและมีอิสระมากขึ้น ซึ่งธุรกิจโรงแรมที่เน้นตอบโจทย์นักท่องเที่ยวประเภทนี้เป็นหลักก็คือ Hostel โรงแรมขนาดเล็กราคาสบายกระเป๋า แต่ปัจจุบัน Hostel ไม่ได้เป็นที่นิยมแล้วกลับเป็นที่พักแนวใหม่ที่เรียกว่า Poshtel ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงแต่ก็เข้าถึงบริการได้เทียบเท่าโรงแรม
เริ่มแรกเดิมทีนั้น Poshtel มีต้นกำเนิดมาจากยุโรป Poshtel เป็นการเล่นคำระหว่าง Posh ที่หมายถึงความมีระดับ และ Hostel ซึ่งก็คือโรงแรมราคาประหยัด คำจำกัดความสั้น ๆ ของ Poshtel ก็คือโรงแรม Hostel ในรูปแบบพรีเมียมนั่นเอง มีการนำสไตล์การตกแต่งแบบ Boutique มาผสมผสานให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลบภาพมายาคติที่คนมักจะมองว่าที่พักราคาประหยัดจะไม่ปลอดภัยหรือไม่ถูกสุขลักษณะ มาดูกันว่าทำไม Poshtel ถึงประสบความสำเร็จได้
Hostel โดยทั่วไปแล้วจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน แต่ Poshtel จะให้ความแตกต่างที่มากกว่านั้น ด้วยการจัดสรรพื้นที่ส่วนรวมอย่างเป็นระเบียบ มีส่วนที่เรียกว่า Co-Working Space มีบริการ Wi-Fi ช่วยเปิดโอกาสให้คนมาพบปะพูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน บางแห่งอาจจะมีห้องสมุดให้ หรือคาเฟ่ โดยผู้เข้าพักสามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง นี่คือจุดแข็งของโรงแรม จะเห็นได้ว่า Poshtel โดยส่วนมากคนที่มาพักมักจะเป็นนักท่องเที่ยวสไตล์แบ๊คแพ็คเกอร์ที่จะเดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ สามารถเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ตลอดเวลา มีสัมภาระไม่มาก
Poshtel มีห้องพักให้เลือกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่แชร์หลายเตียง ห้องนอนรวมหญิงล้วน ห้องสำหรับครอบครัว และห้องนอนเดี่ยว มีห้องน้ำรวมและห้องครัวให้ใช้ร่วมกัน บางคนอาจจะรู้สึกกังวลว่าที่พักลักษณะนี้จะไม่มีความเป็นส่วนตัวและไม่มีความปลอดภัย แต่ความเป็นจริงแล้วแต่ละคนจะมีพื้นที่ส่วนตัวขนาดย่อม ๆ แต่ละเตียงถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีม่านกั้น บางแห่งมีตู้ล็อกเกอร์ส่วนตัว บนหัวเตียงมีโคมไฟ ที่เสียบปลั๊ก ผ้าห่ม ไม้แขวนเสื้อและราวแขวน นอกจากนี้ยังมีแม่บ้านมาทำความสะอาดและจัดเตียงให้ทุกวันเหมือนโรงแรมทั่วไป เรียกว่าเท่านี้ก็ทำให้คุณนอนหลับสบาย คลายความกังวลเรื่องความปลอดภัยไปบ้างแล้ว
Poshtel ก็คือ “ที่พักที่มีระดับที่เหนือกว่า Hostel แต่ไม่เท่า Hotel” นั่นเอง โดยราคาที่พักแพงกว่า Hostel เพราะ Poshtel เป็นการผสมผสานระหว่างคำว่า Posh แปลว่าเก๋ไก๋ หรูหรา กับคำว่า Hostel ดังนั้น Poshtel ก็คือ โฮสเทลเวอร์ชั่นหรูหราที่มีความเก๋ไก๋ สะดวกสบายในการพักผ่อน มีสิ่งอำนวยความสะดวกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักมากขึ้น แต่ยังคงรูปแบบการสร้างปฏิสัมพันธ์ของนักเดินทาง คือมีพื้นที่ส่วนกลางให้กับผู้พักได้ใช้ร่วมกันเหมือน Hostel แต่มีระดับกว่า เช่น จัดสรรพื้นที่ให้บริการอย่างเป็นสัดส่วนเหมือนกับโรงแรม เช่น ห้องอาหาร, ห้องสมุด, คาเฟ่, ห้องนั่งเล่น, มุม wifi, บาร์, เกมส์, สระว่ายน้ำหรืออื่นๆ ผู้พักจึงสามารถพบปะ หรือทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกซ้ำซาก จำเจ มีกิจกรรมในที่พักมากขึ้น
มีความเป็นส่วนตัวที่ Hostel ให้ไม่ได้คือนอกจากห้องพักรวมที่เหมือนกันแล้ว Poshtel มีห้องพักแบบส่วนตัวเพิ่มให้ อีกเรื่องที่ Poshtel แตกต่างจาก Hostel ชัดเจน นั่นคือการตกแต่งที่มีสไตล์ชัดเจน มีความโดดเด่น สวยงามสะดุดตา ใส่ใจในรายละเอียด ซึ่ง Poshtel บางแห่งยังมีวิวและทิวทัศน์ที่สวยงามให้ผู้พักได้มองเห็นจากห้องพัก Poshtel จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะคอนเซ็ปต์ของ Poshtel เอาข้อดีของโรงแรมมาใช้ และตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ปรับกลยุทธ์ดึงนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีอายุ แต่ยังคงชอบเดินทาง และแบ็คแพ็คเกอร์หรือวัยรุ่นที่ชอบความสะดวกสบาย แม้จะราคาแพงกว่าแต่ก็ยังพอจับต้องได้ และยังได้สัมผัสประสบการณ์แบบโฮสเทลไปพร้อมๆ กัน