แนวคิด Travel Bubble หรือระเบียงท่องเที่ยว มาจากการเปิดท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางเฉพาะประเทศที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ในเดือนที่แล้ว ออสเตรเลียทำข้อตกลงจับคู่เดินทางกับนิวซีแลนด์ ที่ประชากรของทั้งสองประเทศสามารถเดินทางไปมาหากันได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน หรืออาจมีเงื่อนไขอื่นขึ้นอยู่กับข้อตกลง เช่น ต้องมีใบรับรองผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในสนามบินปลายทาง ประเทศอื่นที่ไม่ได้ทำข้อตกลงด้วยก็ยังห้ามเดินทางเข้าหรือจนกว่าจะมีประกาศหรือข้อตกลงอื่นแผนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศที่จับคู่เดินทางกันในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว เศรษฐกิจการค้า รวมถึงด้านการขนส่ง อย่างน้อยก็ช่วยฟื้นการท่องเที่ยวท้องถิ่นได้บ้าง ในขณะที่นักเดินทางจากชาติอื่น ๆ ยังไม่กล้าไปเที่ยวในต่างแดนช่วงที่ไวรัสระบาดอยู่
หลังสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ดีขึ้นหลายคนน่าจะได้ยินคำว่า Travel Bubble บ่อยขึ้น เพราะเป็นการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศที่สามารถจัดการเรื่องโรคระบาดโควิ-19 ได้เป็นอย่างดี ภายใต้ความตกลงสามารถเดินทางภายข้อตกลงหรือพื้นที่จำกัดได้โดยไม่ต้องถูกกักตัว แต่จะมีเงื่อนไขตามที่แต่ละประเทศกำหนด มีหลายประเทศเริ่มนำแนวคิดนี้ไปใช้แล้วไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ หรือจีนกับเกาหลีใต้ ซึ่งประเทศไทยกำลังเจรจาด้านการท่องเที่ยวกับประเทศอื่นอยู่ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกงและมาเก๊า , เวียดนาม , ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ลาว เมียนมา กัมพูชาและตะวันออกกลาง
Travel Bubble เริ่มได้รับความสนใจจากนักเดินทางชาวไทย และนักเดินทางชาวต่างชาติ โดยรัฐบาลไทยมีแผนเปิดระเบียงท่องเที่ยว หรือ Travel Bubble ผ่านข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศอื่น ๆ ตามรอยออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน และบางประเทศในยุโรป แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า รัฐบาลไทยจะทำข้อตกลงนี้กับประเทศใดบ้าง และจะเปิดพื้นที่ใดในประเทศรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ระเบียงท่องเที่ยวหลายฝ่ายหวังว่าจะตอบโจทย์การฟื้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ได้ดีกว่าการให้ฟรีวีซ่า หลังได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก็อาจต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเห็นผล บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าระบบนี้อาจใช้เวลาอีกหลายปีที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนแต่ก่อนขณะเดียวกัน การฟื้นคืนความเชื่อมั่นของนักเดินทางอาจยังต้องใช้เวลา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังทำแผนระเบียงท่องเที่ยวนี้ ประเทศไทยก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจับคู่การเดินทางไปแล้วบางประเทศ บางประเทศก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาหารือในระยะต่อไป ซึ่งประเทศที่ไทยได้หารือด้วยได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม ซึ่งได้แสดงความประสงค์ Travel Bubble ระหว่างกัน นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่น เช่นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สปป.ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา และประเทศตะวันออกกลาง อยู่ในระหว่างการหารือซึ่งยังไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน และอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานกาณณ์ปัจจุบัน แต่นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับเรื่องการท่องเที่ยวในหลายกลุ่มประเทศ และในอนาคตอันใกล้นี้เราสามารถดำเนินการ Travel Bubble ได้หลากหลายประเทศแน่นอน