อย่างที่ทราบกันดีว่าการจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยนั้นต้องมีเอกสาร ที่ออกให้แก่บุคคลเพื่อแสดงว่าได้ให้อนุญาตบุคคลนั้นเดินทางเข้าประเทศผู้ออกลงตรา ภายในระยะเวลาพำนักหรือตามจุดประสงค์ของชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามา บุคคลเหล่านั้นจะต้องยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตรา แสดงต่อเจ้าหน้าที่ขณะเดินทางเข้ามา ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการประทับตราไว้ในหนังสือเดินทาง มีหลายรูปแบบ เช่น แผ่นสติ๊กเกอร์ ตราประทับ หรือเอกสาร หรือเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดงว่าบุคคลหนึ่งได้รับอนุญาตให้เข้า หรือ ออกจากพื้นที่ของประเทศผู้ออกลงตรา เรามาทำความเข้าใจถึงการตรวจลงตราสำหรับประเทศไทยนะคะ เริ่มจาก…
ประเภทของการตรวจลงตราประทับมีดังนี้
1. การตรวจลงตราประเภทคนเดินทางผ่านราชอาณาจักร (Transit Visa)
เป็นการลงตราให้ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทย เพื่อ 1. เดินทางผ่าน 2.เล่นกีฬา และ 3.เป็นคนคุมพาหนะหรือคนประจำพาหนะที่เข้ามายังท่า สถานี หรือท้องที่ในไทย โดยอายุวีซ่า 3 เดือน ระยะเวลาพำนักครั้งละไม่เกิน 30 วัน โดยต้องมีเงินหรือสิ่งใดที่แลกเปลี่ยนเป็นเงิน หรือมีมูลค่าเท่ากับเงินบาทไทยไม่น้อยกว่า 10,000 บาท หรือมาเป็นครอบครัว โดยครอบครัวละไม่น้อยกว่า 20,000 บาทไทย
2. การตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว (Tourist Visa)
การตรวจลงตราประเภทนี้ออกให้แก่ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาในประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว และวีซ่าต้องมีอายุ 3 หรือ 6 เดือน ระยะเวลาพำนักในไทย ครั้งละ 60 วัน โดยต้องมีเงินหรือสิ่งใดที่แลกเปลี่ยนเป็นเงิน หรือมีมูลค่าเท่ากับเงินบาทไทยไม่น้อยกว่า 20,000 บาท หรือมาเป็นครอบครัว โดยครอบครัวละไม่น้อยกว่า 40,000 บาทไทย
3. การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant Visa)
การตรวจลงตราประเภทนี้ออกให้แก่ชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อ 1.ปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ 2.ติดต่อหรือประกอบธุรกิจ 3.ลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 4.ลงทุนหรือการอื่นภายใต้ข้อบังคับกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน 5.การศึกษา ดูงาน ฝึกงาน อบรมต่างๆ 6.ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน 7.เผยแผ่ศาสนาที่ได้รับความเห็นชอบจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ 8.การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ ฝึกสอนในสถาบันการค้นคว้า หรือสถาบันการศึกษาในไทย 9.ปฏิบัติงานด้านช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ 10.อื่นๆ ได้แก่
– เข้ามาบั้นปลายชีวิต
– เข้ามาในฐานะคู่ความหรือพยานคดี
– การปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในครอบครัวชาวต่างชาติ
– การปฏิบัติหน้าที่คนรับใช้ส่วนตัวหรือเดินทางจากต่างประเทศเพื่อมาทำงานตามปกติ
– การให้ความอุปการะแก่หรือรับความอุปการะจากบุคคลสัญชาติไทยโดยเป็น บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร
– ปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครให้แก่องค์กรการกุศล มูลนิธิ สมาคม
– เป็นผู้ที่เคยมีสัญชาติมาเพื่อเยี่ยมญาติ
– เข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาล
อายุวีซ่า 3 เดือน สำหรับเข้าไทยได้ครั้งเดียว หรือ 1 ปี สำหรับการเดินทางเข้าไทยหลายครั้ง ระยะเวลาพำนักในไทย ไม่เกินครั้งละ 90 วัน โดยต้องมีเงินหรือสิ่งใดที่แลกเปลี่ยนเป็นเงิน หรือมีมูลค่าเท่ากับเงินบาทไทยไม่น้อยกว่า 20,000 บาท หรือมาเป็นครอบครัว โดยครอบครัวละไม่น้อยกว่า 40,000 บาทไทย
4. การตรวจลงตราประเภททูต (Diplomatic Visa)
การตรวจลงตราประเภทนี้เฉพาะขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อทำหน้าที่ทางการฑูตหรือกงสุล หรือหน้าที่ราชการ จะต้องถือหนังสือเดินทางทูต หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางทูตเท่านั้น
แสดงหนังสือนำจากกระทรวงต่างประเทศ หรือจากหน่วยงานหรือองค์กรที่สังกัดอยู่โดยหนังสือต้องระบุชื่อ ตำแหน่ง และวัตถุประสงค์การเดินทาง และสุดท้ายคือระยะเวลาพำนักในไทย ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
5. การตรวจลงตราประเภทราชการ (Official Visa)
การตรวจลงตราประเภทนี้เฉพาะขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น
แสดงหนังสือนำจากกระทรวงต่างประเทศ หรือจากหน่วยงานหรือองค์กรที่สังกัดอยู่โดยหนังสือต้องระบุชื่อ ตำแหน่ง และวัตถุประสงค์การเดินทาง และสุดท้ายคือระยะเวลาพำนักในไทย ครั้งละไม่เกิน 90 วัน
6. การตรวจลงตราประเภทอัธยาศัยไมตรี(Courtesy Visa)
การตรวจลงตราประเภทอัธยาศัยไมตรีเฉพาะขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อ
1. เพื่อปฏิบัติหน้าที่การทูต กงสุล หรือราชการ
2. เข้ามาในประเทศไทยในฐานะเป็นพระราชอาคันตุกะ ราชอาคันตุกะ แขกของรัฐบาล หรือหน่วยงานรัฐ
อายุวีซ่า 3 หรือ 6 เดือน เข้ามาประเทศไทยได้หลายครั้ง ระยะเวลาพำนักครั้งละไม่เกิน 90 วัน
ข้อควรรู้ สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อการขอรับการตรวจลงตราหรือขอวีซ่า
ชาวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องขอรับการตรวจลงตราหรือขอวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่ตนมีถิ่นพำนัก หรือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศที่ชาวต่างชาติดังกล่าวมีถิ่นพำนัก
ชาวต่างชาติบางสัญชาติสามารถเดินทางเข้าไทยโดยไม่มีวีซ่า 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่มแรกคือ ประเทศที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว และสามารถพำนักอยู่ในไทยได้ไม่เกิน 30 วัน
กลุ่มที่สองคือ ประเทศที่มีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรากับประเทศไทย
คนต่างด้าวที่เดินทางมาจากประเทศเขตติดโรคไข้เหลืองจะต้องแสดง “เอกสารระหว่างประเทศรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง” ในการยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตรา ณ สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ รวมทั้งจะต้องแสดงเอกสารดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้
ในการขอวีซ่านั้น ชาวต่างชาติจะต้องขอรับการตรวจลงตราให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ การอนุมัติวีซ่าอยู่ในดุลพินิจของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ และในการตรวจลงตราให้แก่ชาวต่างชาติบางสัญชาติ ได้มีการกำหนดระเบียบและหลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นพิเศษ
ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภทใด ๆ ก็ตาม ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจนกว่าจะได้รับใบอนุญาตทำงาน ดังนั้น ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยจะต้องขอรับการตรวจลงตราประเภทที่ถูกต้องคือ Non-Immigrant Visa “B” เพื่อที่จะสามารถยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานได้
สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยมีอำนาจหน้าที่ในการให้วีซ่าแก่ชาวต่างชาติเพื่ออนุญาตให้เดินทางมาประเทศไทยได้ อย่างไรก็ดี การอนุญาตให้เข้าประเทศไทย รวมทั้งการกำหนดระยะเวลาที่จะอนุญาตให้พำนักในประเทศไทย เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้น ชาวต่างชาติที่ได้รับวีซ่าแล้วบางรายอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่าบุคคลดังกล่าวมีลักษณะหรือพฤติการณ์เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร
ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาในไทยและเข้ารับการตรวจลงตรากับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ต้องยื่นคำร้องตามรายละเอียดข้างต้น แล้วเดินทางผ่านช่องทางที่กำหนด ก็สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อย่างสบายใจ และพร้อมจะทำกิจกรรม หรือทำงาน หรือตามวัตถุประสงค์ได้โดยไม่กังวล
แหล่งที่มาข้อมูล กระทรวงต่างประเทศ